ประเภทเครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Reader) สำหรับงานอุตสาหกรรม
เครื่องอ่านบาร์โค้ดสำหรับงานอุตสาหกรรมมีความสำคัญในการเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล เช่น การผลิต การจัดการคลังสินค้า และการขนส่ง ซึ่งแต่ละประเภทของเครื่องอ่านบาร์โค้ดมีความเหมาะสมกับลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบเลเซอร์ (Laser Barcode Scanner)
เครื่องอ่านบาร์โค้ดประเภทนี้ใช้เลเซอร์ในการอ่านบาร์โค้ด 1D (แบบเส้น) โดยการยิงแสงเลเซอร์ไปยังบาร์โค้ดแล้วสะท้อนกลับมาเพื่ออ่านข้อมูล ข้อดีคือสามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วและมีระยะการอ่านไกล เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็วและระยะการสแกนยาว เช่น การสแกนสินค้าบนชั้นวางที่สูงในคลังสินค้า
การใช้งานที่เหมาะสม:
• คลังสินค้า
• การผลิต
• การขนส่ง
2. เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบ Imager (Imager Barcode Scanner)
เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบ Imager ใช้กล้องเพื่อจับภาพบาร์โค้ดและแปลงเป็นข้อมูล ทำให้สามารถอ่านบาร์โค้ดทั้งแบบ 1D และ 2D เช่น QR Code ได้อย่างแม่นยำ แม้บาร์โค้ดจะชำรุดหรือมีการพิมพ์บนพื้นผิวที่ไม่เรียบ การใช้งานของเครื่องอ่านประเภทนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและการสแกนบาร์โค้ดที่หลากหลาย
การใช้งานที่เหมาะสม:
• สายการผลิตที่ต้องใช้บาร์โค้ด 2D หรือ QR Code
• การตรวจสอบคุณภาพสินค้าในกระบวนการผลิต
.
ประเภทเครื่องอ่านบาร์โค้ดที่แบ่งประเภทตามการเชื่อมต่อ
เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบไร้สาย (Wireless Barcode Scanner) และ เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบมีสาย (Wired Barcode Scanner) มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานและความเหมาะสมในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. การเชื่อมต่อ
👉เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบไร้สาย (Wireless):
• เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth หรือ Wi-Fi ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในระยะที่สัญญาณรองรับ ไม่ต้องพึ่งพาสายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ
• เหมาะสำหรับงานในคลังสินค้าขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องเคลื่อนย้ายมาก เช่น การจัดการสินค้าในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือการขนส่งที่ต้องเดินไประหว่างจุดต่างๆ
• มีความคล่องตัวสูง เพราะไม่ต้องพึ่งพาสายเชื่อมต่อ สามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ได้โดยสะดวก
• ทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในงานที่ต้องสแกนบาร์โค้ดในพื้นที่ห่างจากคอมพิวเตอร์ เช่น การเช็คสต็อกในคลังสินค้าหรือโรงงานขนาดใหญ่
👉เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบมีสาย (Wired):
• เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ผ่านสาย USB หรือ Serial Port ทำให้ต้องอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
• เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องเคลื่อนย้ายมาก เช่น จุดชำระเงิน, สายการผลิต หรือสถานที่ที่ผู้ใช้ทำงานที่จุดเดียวตลอดเวลา
• มีข้อจำกัดในเรื่องระยะทาง เนื่องจากต้องพึ่งสายในการเชื่อมต่อ ความยาวของสายมักจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เมตร ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลจากจุดเชื่อมต่อ
สรุป
การเลือกใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบไร้สายหรือแบบมีสายขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานและความต้องการในแต่ละสถานการณ์ หากต้องการความคล่องตัวและความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบไร้สายจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าต้องการการใช้งานที่เสถียรต่อเนื่องและไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบมีสายจะเป็นตัวเลือกที่ดีและประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าในระยะยาว
.
𝐗𝐢𝐍𝐄𝐓 𝘉𝘺 𝐌𝐃𝐂𝐂 เราเป็นผู้นำด้านระบบบาร์โค้ดแบบครบวงจร
📌พิมพ์สนใจ ใต้โพสนี้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องที่เหมาะสมกับลูกค้าให้ได้เลยจ้า
.
ติดต่อสอบถาม / สั่งซื้อสินค้า
Line : @sticker1 http://line.me/ti/p/@sticker1
☎️ : 033 171 661 5 ต่อ 0
📱 : 087 099 9399
🌐 : www:mdcc.co.th
🌐 : https://www.xinetthai.com/default.aspx
#เครื่องลอกสติกเกอร์ #เครื่องเช็คบาร์โค้ด #เครื่องปริ้นบาร์โค้ด #สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด #Xinet #เครื่องปริ้นใบปะหน้าพัสดุ #เครื่องปริ้นฉลากยา
#เครื่องปริ้นใบเสร็จ #ปริ้นเตอร์ลาเบล
#สติกเกอร์ลาเบลความร้อน #เครื่องปริ้นลาเบล
#เครื่องปริ้นใบเสร็จ #อุปกรณ์บาร์โค้ด
Powered by Froala Editor